วันพุธที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ดิงดอง ตอน ท่องแดนอาณาจักรโฮ่งเหมียว(ย่อ)


การ์ตูนเรื่อง โดราเอมอน ถือเป็นหนึ่งในการร์ตูนระดับตำนาน (ตำนานมาก ๆ) ตัวหนังสือการ์ตูนโดราเอมอนมี 45 เล่มจบ (แต่เขาว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ไม่มีตอนจบ) และสามารถทำยอดขายสูงถึง 80 ล้านเล่ม ความนิยมในตัวการ์ตูนโดราเอมอน ส่งผลให้มีการผลิตของที่ระลึกออกมามากมาย เพื่อให้เด็ก ๆ (ทั้งอดีตและปัจจุบัน) ได้เก็บสะสม

นับตั้งแต่อาจารย์ ฟุจิโกะ เอฟ ฟุจิโอะ ได้ก่อกำเนิดโดราเอมอนขึ้นมาในบรรณพิภพ สืบเนื่องถึงปัจจุบัน ผ่านกาลเวลามากว่า 35 ปี (เมื่อปี 2004 ที่ญี่ปุ่นได้จัดงานฉลองครบรอบวาระโดราเอมอนเวอร์ชั่นอนิเมชั่นซีรี่ส์และมูฟวี่ส์ ครบรอบ 25 ปี) สำหรับปีนี้ โดราเอมอนตอนใหม่ล่าสุด ได้เดินทางมาให้คุณผู้ชมชาวไทยได้ยลกันอีกเช่นเคย.... กับตอนที่ชื่อว่า โนบิตะ ท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว

เนื้อเรื่องของ โนบิตะ ท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว

มีอยู่วันหนึ่ง โนบิตะ (จอมก่อเรื่องเจ้าประจำ!) เก็บลูกสุนัขตัวหนึ่งได้ แล้วตั้งชื่อให้มันว่า อิจิ แถมยังได้แมวตัวหนึ่งมาเลี้ยง (มันชื่อว่าเจ้าแแฉะ) แต่เนื่องจากที่บ้านของโนบิตะไม่ชอบการเลี้ยงสัตว์ทำให้โนบิตะต้องนำสัตว์เลี้ยงทั้งสอง กับสุนัขและแมวตัวอื่น ๆ ที่ถูกทิ้ง พาไปยังโลกเมื่อ 300 ล้านปี ที่แล้ว พร้อมกับก่อตั้งอาณาจักรให้กับสัตว์เหล่านี้ โดยเรียกมันว่าอาณาจักร โน

หลังจากพาพวกสุนัขและแมวไปยังโลกอดีต (โดราเอมอนได้หนีหายไปเพราะโดนไจแอนท์กับซีเนโอะแกล้ง ทำให้ไม่รู้เรื่องที่โนบิตะพาสัตว์ย้อนเวลากลับไป) โนบิตะได้พาเพื่อน ๆ เดินทางกลับไปหา แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้หลงไปยังยุคที่อิจิสุนัขของโนบิตะอยู่มาเนิ่นนานกว่า 1000 ปี โลกที่นั่นมีอารยธรรมที่พัฒนาไปมาก และเนื่องจากเครื่องไทม์ แมชชีนของโดราเอมอนพังเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตทำให้พวกโนบิตะต้องติดอยู่ในโลกแห่งนี้ อาณาจักรที่มีแต่สุนัขและแมว

โนบิตะได้พบกับสุนัขตัวหนึ่งซึ่งมีใบหน้าเหมือนกับอิจิ แต่มีชื่อว่า ฮาจิ..... ไป ๆ มา ๆ โนบิตะและเหล่าเพื่อนก็จะต้องคอยช่วยเหลือปกป้องอาณาจักรนี้ให้รอดพ้นภยันตราย!!!!!

ความโดดเด่นของการผจญภัยในอาณาจักรโฮ่งเหมียว

- เป็นการเดินทางย้อนกลับไปยังโลกอดีตที่สุนัขและแมว (บวกโนบิตะ) ได้ช่วยกันสร้างขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะเป็นโลกในอดีต แต่กลับมีเทคโนโลยีอันทันสมัยอยู่มากมาย

- จะเห็นว่าการ์ตูนโดราเอมอนมักจะถ่ายทอดภาพมิตรภาพอันดีระหว่างตัวละคร ซึ่งในการผจญภัยครั้งนี้คือความผูกพันระหว่างโนบิตะกับอิจิ ลูกสุนัขของโนบิตะแม้จะจากกัน แต่สายใยแห่งความผูกพันยังคงอยู่ตลอดไป

- ธรรมชาติของบ้านเมืองในคราวนี้เป็นแบบธรรมดาแต่ดูดี เมื่อเทียบกับการผจญภัยในช่วงหลัง ๆ ของโดราเอมอน ที่มักจะชอบเน้นรูปแบบของเมืองที่แปลกตา

- ความรักครั้งใหม่ของโดราเอมอนที่มีให้กับ ซามี่จัง จะมีบทสรุปยังไง ต้องลุ้น!?

- ผู้ชมจะรู้สึกรักแมว รักหมามากยิ่งขึ้น (จริง ๆ ควรรักสัตว์ทุกประเภทนะครับ)

วันเสาร์ที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

"โดราเอมอน" (ดิงดอง) จินตนาการไร้ขอบเขต



ถ้าโลกนี้ไม่มีสองหนุ่มญี่ปุ่นที่ชื่อ "ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ" และ "อาบิโกะ โมโตโอะ" (ฟูจิโกะ - ฟูจิโอะ) แล้วมนุษย์เราจะเป็นอย่างไร?

คำตอบอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญระดับที่จะทำให้โลกแตกอะไร แต่เชื่อว่าผู้คนจำนวนมากคงอดที่จะใจหายและเสียดายไม่ได้ ถ้ารู้ว่าพื้นที่ความทรงจำส่วนหนึ่งของตนเองจะไม่มีเรื่องราวของเจ้าแมวหุ่นยนต์ตัวสีฟ้าจากโลกในศตวรรษ 21 ที่ชื่อ "โดราเอมอน"

หากจะนับเอาปี พ.ศ.2522(อย่างเป็นทางการ)ที่มีการทำให้เจ้าหุ่นยนต์แมวตัวนี้เคลื่อนไหวโลดแล่นอยู่บนจอทีวีปีนี้โดราเอมอนก็จะมีอายุที่เข้าสู่วัยเบญเพสพอดิบพอดี(และหากนับเอาปี พ.ศ.2512 ซึ่งเป็นปีที่ชายหนุ่มทั้งสองเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ขึ้น ปีนี้โดราเอมอนก็จะมีอายุ 35 ปีเข้าไปแล้ว) แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่เรื่องราวความสนุกของเจ้าแมวสีฟ้าที่ถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือเด็กขี้แย "โนบิตะ" ด้วยของวิเศษ(ของเล่นจากโลกอนาคต)รวมทั้งผองเพื่อนทั้ง "ชิซูกะ" "ไจแอนท์" "ซูเนโอะ" ก็ยังคงอยู่ตลอดไป

เป็นความทรงจำที่แสนจะประทับใจที่ถ่ายทอดกันไปจากเด็กรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งได้อย่างไม่มีคำว่า "ล้าหลัง" หรือ "เชย" แต่อย่างไร

จินตนาการที่ไร้ขอบเขต

ย้อนกลับไปเมื่อ 35 ปีที่แล้ว จะมีใครเชื่อบ้างว่าเจ้าหุ่นยนต์แมว(กลัวหนู)ตัวนี้จะกลายเป็นตัวการ์ตูนที่โด่งดังขึ้นมาเป็นที่รู้จักของทั้งเด็กและผู้ใหญ่เกือบทั้งโลกอย่างที่เป็นอยู่ เนื่องจากในระยะแรกงานการ์ตูนเรื่องนี้ของ "ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ" และ "อาบิโกะ โมโตโอะ" นั้นไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่

"ถ้ามองดีๆ โดราเอมอนค่อนข้างจะมีกลิ่นอายของพล็อตเรื่องที่มาจากพวกฝรั่งนะ"..."แม้ว -สุริยัน สุดศรีวงศ์" นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังแสดงทัศนะ

"แต่ก่อนจะมีนักเขียนอังกฤษที่เขาเขียนเรื่อง Five Children and It คือเป็นภูตหรือว่าอะไรทำนองนี้ที่มาอยู่กับเด็กๆ แล้วก็จะมีเวทมนตร์ซึ่งก็เหมือนกับของวิเศษของโดราเอมอนแต่ว่ามันจะมีฤทธิ์อยู่แค่พระอาทิตย์ขึ้นหรือตก คือพล็อตเรื่องในทำนองที่ว่ามีตัวอะไรมาช่วยเด็กๆ เนี่ยญี่ปุ่นมีเยอะนะอย่าง ฮาโตริ หรือว่าอย่างผีน้อยคิวทาโร่"

ใช้เวลา 4 ปี หลังจากการเขียนการ์ตูนเรื่องนี้กระทั่งมีการรวมเล่มเป็นพ็อกเกตบุ๊กเป็นครั้งแรก ชื่อของโดราเอมอนจึงได้เป็นที่รู้จักขึ้นมาในหมู่ของเด็กๆ ชาวญี่ปุ่นและด้วยจินตนาการที่เลิศหรูของคนแต่งบวกกันกับแนวเรื่องเปิดที่วางไว้ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการทำโดราเอมอนออกมาเป็นการ์ตูนทางโทรทัศน์ เจ้าแมวตัวนี้ก็ยิ่งได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักของเด็กๆ ไปทั่วทั้งเอเชีย โดยใน ปี 2535 มีการบันทึกไว้ว่าการ์ตูนโดราเอมอนนั้นมียอดพิมพ์กว่า 80 ล้านเล่มเลยทีเดียว

"ผมเรียกว่าเป็นเรื่องแบบปลายเปิดนะ ก็คือไม่มีจบทำได้เรื่อยๆ ของวิเศษสามารถที่จะเอาออกมาได้เรื่อยๆ ความสมบูรณ์ของโดราเอมอนมันอยู่ที่ไอเดียของผู้เขียนเพราะฉะนั้นถ้าสามารถนึกอะไรได้ก็สามารถที่จะเขียนได้เรื่อยๆ"

"ที่ได้รับความนิยมแน่นอนว่าคงจะเป็นเรื่องของการเติมเต็มจินตนาการให้กับเด็กๆ ที่สมบูรณ์แบบมากๆ เด็กๆ เนี่ยร้อยทั้งร้อยผมว่าเขานึกเขาฝันว่ามันจะมีตัววิเศษอะไรสักตัวหนึ่งที่เขาอยากจะได้มาอยู่ด้วยอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างการ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างจะอยู่กึ่งกลางเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายก็อ่านได้"

ที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากของโดราเอมอนในมุมของนักเขียนวรรณกรรมเยาวชนคนนี้ก็คือการที่เด็กๆ จะได้รับการสั่งและสอนไปโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว

"จุดหนึ่งที่น่าจะเป็นตัวแปรก็คือเรื่องของการหาเหตุผลที่ตัววิเศษเหล่านี้จะมาอยู่กับเด็กๆ อย่างฮาโตริก็คือเป็นนินจาหลงยุค ปาแมนก็มาโดยบังเอิญแต่โดราเอมอนมันเป็นเรื่องของการกลับมาเพื่อเปลี่ยนอนาคต กลับมาเพื่อที่จะต้องทำปัจจุบันให้ดี ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเป็นประเด็นที่ดูหนักแน่นที่สุด แล้วอีกอย่างที่น่าสนใจก็คืออย่างพวกของวิเศษหรือว่าพวกอิทธิฤทธิ์ต่างๆ จะสังเกตได้ว่าคนเขียนเขาจะเตือนไว้ว่าอย่าพึ่งสิ่งพวกนี้อย่างจริงๆ จังๆ เพราะอย่างไรความสามารถของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ จะเห็นว่าตอนจบแต่ละตอนเขาจะดึงๆ เอาไว้ตลอด แล้วก็จะมีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาหากมีการใช้ของวิเศษขึ้นมา"

"จะมองในแง่ของเรื่องการส่งเสริมทางแนวความคิดทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ หรือจะมองเป็นประเด็นทางสัมคมก็ได้มันก็อยู่ในตัวโกง ไจแอนท์ ซูเนโอะ แต่ไม่ว่าจะทะเลาะกันอย่างไร ก็เป็นเพื่อนกันหมด ซึ่งญี่ปุ่นจะเน้นเรื่องนี้มากๆ อย่างดราก้อนบอลก็สู้กันแทบตายแล้วก็มาเป็นเพื่อนกัน หรืออย่างโรงเรียนนายร้อยลูกผู้ชายก็เหมือนกัน คือตรงนี้บางคนอาจจะมองว่าเป็นการทำให้เด็กมีความรุนแรง ซึ่งมันไม่ใช่ แต่มันจะทำให้เด็กเกิดอาการผ่อนคลายเพราะมันค่อนข้างจะมีเหตุผลอยู่ในตัวของมันเองเด็กจะไม่ทำอะไรที่มันรุนแรงกับสังคม เพราะเขาถูกปลูกฝังให้รักกัน อย่างในโดราเอมอน อาจจะทะเลาะกับใจแอนท์หรือว่าซูเนโอะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเวลาที่จะต้องมาผจญภัยพวกเขาก็จะต้องมาด้วยกัน"

ตัวกลมสีฟ้า กับความรู้สึกของเด็กๆ

ที่มาของรูปร่างของโดราเอมอนค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ฟลุกๆ อยู่เหมือนกัน เพราะในขณะที่ฮิโรชิกำลังอยู่ในภาวะความกดดันไม่รู้ว่าตนเองจะเขียนการ์ตูนเรื่องอะไร(มีเพียงโครงเรื่องว่าตัวเอกจะมาจากลิ้นชัก) ระหว่างนั้นเขาก็เกิดไปสะดุดตาเอากับตุ๊กตากลมๆ ฮิโรชิจึงเกิดไอเดียด้วยการนำเอาหน้าของแมวตัวหนึ่งที่มักจะเข้ามาเล่นกับเขาเป็นประจำมารวมกับเจ้าตุ๊กตาตัวนั้น โดยให้ชื่อว่า "โดราเนโกะ" ที่แปลว่าแมวหลงทาง(ส่วนคำว่า "เอมอน" เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน)

"ลักษณะของโดราเอมอนที่ทำขึ้นมาเป็นตัวกลมๆ อ้วน เล็กๆ ที่ออกไปในแนวนุ่มนิ่ม แล้วทำให้การ์ตูนตัวนี้เป็นคนที่อารมณ์ดี เป็นผู้ดูแลโนบิตะมาตลอด มันเหมือนแฝงความเป็นผู้ใหญ่เอาไว้ด้วย..." เป็นการวิเคราะห์จาก "แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์" จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นและผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 13

นอกเหนือจากการเป็นจิตแพทย์แล้วนายแพทย์หญิงคนนี้ยังเป็นคนหนึ่งที่มีความชื่นชอบตัวการ์ตูนโดราเอมอนอยู่ไม่น้อยไปกว่าลูกชายตัวน้อยของเธอที่มีความหลงใหลได้ปลื้มเจ้าแมวสีฟ้าตัวนี้มากๆ ถึงขนาดเก็บของสะสมทุกอย่างเกี่ยวกับการ์ตูนโดราเอมอนไว้เกือบจะทุกอย่าง

"สีฟ้าเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความสดใส ความสบายใจอยู่แล้ว อีกทางคือมันจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ของเด็กๆ มากกว่าเมื่อเทียบกับสีที่มันดูฉูดฉาด ซึ่งสีจำพวกนี้มันอาจดูแข็งเกินไป แล้วส่วนมากที่ดูโดราเอมอนจะเป็นเด็กๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยกำลังซนได้ที่อยู่พอดี ก็เป็นอะไรที่ลงตัว"

ไม่ใช่เพียงเรื่องของรูปลักษณ์เท่านั้นหากแต่เนื้อหาที่สื่อออกมาก็แสดงให้เห็นว่าผู้แต่งเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ จริงๆ

"หมอว่าส่วนที่น่าสนใจที่สุดของการ์ตูนโดราเอมอนก็คือการวางโครงเรื่อง คนแต่งเขามีจิตวิทยามาก เขาให้โนบิตะเป็นตัวแทนของเด็กคนหนึ่งที่มีทั้งส่วนที่เกเรและในขณะเดียวกันก็มีส่วนที่เป็นเด็กดีด้วยเช่นกัน โดยมีตัวโดราเอมอนเป็นพี่เลี้ยงคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ใช่ว่าเขาจะรักกันดูดดื่มนะ แต่ในการที่เขาจะทำอะไรให้โนบิตะสักอย่างมันต้องมีเงื่อนไข มันมีช่องว่างทำให้เด็กคิดว่าโนบิตะเป็นคนดี"

วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

วันเสาร์ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ประวัติโดราเอมอน(ดิงดอง)

โดราเอมอน" หรือที่รู้จักกันในบางประเทศว่า "ดิงดอง"
เป็น แมว หุ่นยนต์สีน้ำเงินที่มาจากศตวรรษที่ 22 มีกระดิ่งห้อยคอ
มีกระเป๋าวิเศษที่หน้าท้องเต็มไปด้วยสิ่งประดิษฐ์พิเศษ
ที่มีไว้คอยช่วยเหลือโนบิตะให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ
โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการสร้างการ์ตูนตัวใหม่
ด้วยความลำบากและกดดัน
เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ
บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก
และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะแปลว่า แมวหลงทาง
เอมอนเป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512
โดราเอมอน ได้เริ่มตีพิมพ์ลงหนังสือการ์ตูน
และสร้างความประทับใจ ได้รับความนิยมจนมีฉบับรวมเล่ม
สามารถจำหน่ายได้ถึง 100 ล้านเล่มในญี่ปุ่น
หนังสือได้ตีพิมพ์เป็นภาษาต่างๆถึง 9 ภาษา
และสร้างเป็นภาพยนต์การ์ตูนกว่า 1,300 ตอน
แม้ว่าจะเป็นแมวหุ่นยนต์ที่ขี้โมโหบ้าง
แต่ก็มีน้ำใจ และสร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีเป็นตัวอย่างแก่เด็กๆ
โดราเอมอนจึงชนะใจและได้รับเกียรติถูกนำไปทำเป็นแสตมป์ของญี่ปุ่นอีกด้วย

ข้อมูลจำเพาะของโดราเอมอน

เป็นความตั้งใจของผู้วาดการ์ตูนที่ใช้ตัวเลข 3-9-12 กับตัวละครนี้ โดราเอมอนจึงมีอะไรหลายอย่างกี่ยวกับตัวเลขชุดนี้

- มีน้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม

- ความสูง 129.3 เซนติเมตร (แต่เวลานั่ง จะเหลือ 100 เซนติเมตร)

- กระโดดได้สูง 129.3 เซนติเมตร (เวลาเจอหนู)

- มีพละกำลัง 129.3 แรงม้า

- วัดรอบหัว รอบอก รอบเอวได้ 129.3 เซนติเมตร

- วิ่งปกติในระยะ 50 เมตรใช้เวลา 15 วินาที แต่ถ้าเจอหนูจะวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

- วันที่ผลิตคือ ปีที่ 12 เดือน 9 วันที่ 3 (เรียงแบบปฏิทินญี่ปุ่น)

กำเนิดโดราเอมอน(ดิงดอง)

กำเนิดโดเรม่อน
วันหนึ่งในปี พ.ศ. 2512 อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ต้องเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ ดังนั้นท่านจึง ได้ไปปรึกษากับ อาจารย์โมโตโอะ อาบิโกะ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอกลับบ้าน อาจารย์ฟูจิโมโตะ ก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะเขียนการ์ตูนอะไรดี ตอนนั้น...เนื่องจากใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ท่านง่วงและเผลอหลับไป



เช้าวันต่อมา...อาจารย์ฟูจิโมโตะถูกปลุกด้วยแมวที่บ้านและนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดการ์ตูนเรื่องใหม่ อาจารย์รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง แต่ก็สะดุดอะไรบ้างอย่าง อาจารย์ฟูจิโมโตะสะดุดตุ๊กตาของลูกสาวของเขานั่นเอง และนั่นทำให้อาจารย์เกิดไอเดีย โดยนำแมว และ ตุ๊กตา มาผสมกัน


ในที่สุด อาจารย์ฟูจิโมโตะก็คิดออกว่า การ์ตูนเรื่องใหม่ที่จะเขียนเป็น เรื่องอะไร จากนั้นไอเดียเริ่มพุ่งกระฉูด โนบิตะและตัวการ์ตูนอื่นๆก็เริ่มตามมา ในที่สุดโดเรม่อนก็กลายเป็นการ์ตูนยอดฮิตของเด็กๆ

วันศุกร์ที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

โมเดลโดราเอมอน(ดิงดอง)

โมเดลโดราเอมอน ครบเซ็ท 10 ตัว ทุกตัวละครสำคัญ ของแท้ลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นครับ เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการสะสมครับ ขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด มีขายทั้งปลีก และส่ง ครับ

หากซื้อหกชุดขึ้นไป จะคิดราคาขายส่งให้ ชุดถูกลงไปอีก จะซื้อไปเก็บ ซื้อไปขายต่อ หรือ ซื้อไปฝากเพื่อนๆ น้องๆ หลานๆ ก็น่ารักเก๋ไก๋ครับ

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหลายตัว สามารถโทรมาสอบถามราคาขายส่งได้ครับ

สามารถมารับของเอง หรือส่งทางไปรษณีย์ได้ครับ พิเศษคิดค่าส่งฟรี!!

--หมายเหตุ--

สินค้าไม่รวมกล่องใส่โมเดลที่เห็นในรูป โมเดลทุกตัวจะบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษแบบดั้งเดิมจากผู้ผลิต

หากสนใจ สามารถเข้าไปชมผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในร้านได้ที่

http://www.tarad.com/kingcollection

เกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับ "โดราเอมอน" สักเล็กน้อยครับ "โดราเอมอน ตอนจบ

ตอนจบของ "โดราเอมอน" นั้น ว่ากันว่ามีสองแบบ แบบแรกเป็นแบบที่อาจารย์ฟูจิโอะ ผู้แต่ง ได้แต่งเอาไว้จริงๆ ขณะที่ท่านกำลังป่วย ตอนจบของ "โดราเอมอน" จึงสะท้อนออกมาอย่างสุดเศร้า คือ ความจริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่มีจริง ทั้ง โดราเอมอน ชิซูกะ ซูเนโอะ ไจแอนท์ แต่ทั้งหมด เป็นเพียงจินตนาการของ โนบีตะ ซึ่งความจริงแล้ว เป็นเด็กป่วยอยู่ในโรงพยาบาล และเป็นคนไม่มีเพื่อน จึงจินตนาการเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา และสุดท้าย โนบีตะ ก็เสียชีวิต อย่างเดียวดาย อยู่ในโรงพยาบาลนั้นเอง

ว่ากันว่า ตอนจบแรกนี้ ทางสำนักพิมพ์ไม่อาจยอมรับได้ เพราะสะเทือนใจเกินไป จึงได้ออกตอนจบของ โดราเอมอน ที่แพร่หลายจริงๆ ขึ้นมา คือ วันหนึ่ง "โดราเอมอน" เกิดแบตเตอรี่หมด และไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ เพราะจะเสียความทรงจำทั้งหมดไป (ปกติแบตเตอรี่สำรองจะอยู่ที่หู แต่หู โดราเอมอน โดนกัดขาด จึงไม่มีสำรอง)

โนบีตะ เศร้าโศกเสียใจมากๆ จึงสัญญากับตัวเองว่า จะหาวิธีชาร์จแบตเตอรี่ "โดราเอมอน" และให้เขาจำความทั้งหมดได้อีกครั้ง หลังจากนั้นโนบีตะก็กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนตั้งใจเรียน ขยันขันแข็งสอบได้ที่หนึ่งทุกปี จนชิซูกะ ทึ่งและตกลงปลงใจแต่งงานกันในที่สุด โนบีตะบอกเพื่อนๆว่า โดราเอมอน กลับไปโลกอนาคตแล้ว และจะไม่กลับมาอีก เขาตั้งใจเรียนจนกลายเป็นวิศวกรหุ่นยนต์ที่มีชื่อเสียง และแปลงห้องของตนเองเป็นห้องทดลอง เพื่อชุบชีวิต โดราเอมอน กลับคืนมา โดยเก็บเป็นความลับไม่ให้ชิซูกะทราบ

ฉากสุดท้าย ท้ายสุด เป็นฉากที่ โนบีตะ เรียกภรรยาของเขา คือชิซูกะเข้าไปในห้องความลับนี้ เล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังและบอกว่า วันนี้เขาจะชุบชีวิต "โดราเอมอน" ขึ้นมา โนบีตะเสียบปลั๊ก ชาร์จไฟ โดราเอมอนก็กระเด้งตัวขึ้นมาตะโกนว่า "โนบีตะ นายทำการบ้านแล้วหรือยัง!!"

ทั้งโนบีตะ และชิซูกะ ก็กอดกันดีใจ น้ำตาไหล แล้วเรื่อง โดราเอมอนตอนจบ ก็จบลง ด้วยความลงตัว กับคำถามที่ว่า ใครเป็นผู้สร้าง โดราเอมอน? ซึ่งความจริงก็คือตัวโนบีตะนั่นเอง เวอร์ชั่นนี้ ซึ้งสุดๆ ครับ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ไม่ขอยืนยันนะครับว่าอันไหน เป็นเรื่องจริงไม่จริงอย่างไร เป็นเพียงเรื่องราว ตอนจบโดราเอมอนที่ได้ไปพบไปอ่านมาเท่านั้นครับ น่ารักอย่างนี้ ไม่คิดจะเก็บ โดราเอมอน ของทุกคนไว้เป็นที่ระลึกกันคนละสักชุดเหรอครับ??

ตอนจบโดราเมอน "โดราเอมอนตอนจบ"

ราคา : 300 บาท

วันจันทร์ที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

วันเสาร์ที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ประวัติย่อ ของ ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ


อาจารย์. วันเกิด สถานที่เกิด

อ.ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ 1 ธันวาคม 2476 ทาคาโอกะ, โทยามะ

อ.อาบิโกะ โมโตโอะ 10 มีนาคม 2477 ไฮโอมิ, โทยามะ


ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เป็นนามปากการ่วมของ อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ และ อาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ
ท่านทั้งสองเริ่มรู้จักกันตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมปีที่ 5 ซึ่งท่านทั้งสองมีความสนใจ และ ได้เริ่มเขียนการ์ตูนร่วมกัน เป็นงานกลุ่มส่งอาจารย์ และ ท่านทั้งสองก็ได้ทำงานกลุ่มร่วมกันเมื่อเรียนอยู่มัธยมต้นด้วย
ในปีพ.ศ.2495 ท่านทั้งสองได้เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเล่มแรกชื่อ "เทนชิโนะ ทามาซัง" สู่สาธารณะชน และเริ่มใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ในปีพ.ศ.2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงโตเกียว หลังจากนั้น 2 ปี ท่านทั้งสองก็ได้ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่น (ฟูจิโอะ อาคัสซูกะ และ ไซโอทาโร่ อีชิโมริ)เปิดบริษัทชื่อ 'ชินแมงกาโตะ' หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่ม ทำการ์ตูนเคลื่อนไหว และ ได้จัดทำ 'สตูดิโอ-ซีโร่' ในปีพ.ศ.2506 และในปีต่อมา การ์ตูนเรื่อง "โอเบเกะโนะ คิวทาโร่ (ผีน้อยคิวทาโร่)"ที่ใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ก็มีชื่อเสียง และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ท่านอาจารย์ได้เขียนการ์ตูนอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นที่รู้จักกันไปทั้วโลก และ ได้รับรางวัล หลายรางวัลจากการ์ตูนของแก ตัวอย่างการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายได้แก่ "นินจาฮาโตริ, ปาแมน, ยูเมโบชิ เดงกะ, มาทาโระกาคูรุ, ศาสตราจารย์กอล์เฟอร์ ซารุ และ โดเรม่มอน"
ประมาณสิ้นปีพ.ศ.2530 ท่านอาจารย์ทั้งสองก็ได้แยกตัวอิสระและใช้นามปากกาของตัวเอง โดยอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้ใช้นามปากกา Fujiko Fujio (A) ส่วนอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เปลี่ยนมาใช้ Fujiko Fujio(F) และ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ Fujiko F. Fujio
ท่านอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้เสียชีวิตในปีพ.ศ.2531 ส่วนท่านอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เสียชีวิตในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2539

เนื้อเพลงโดเรมอนภาษาญี่ปุ่น


คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ

อันนะยูเมะคอนนะยูเมะ อิพพะอิอะรูเคะโด

มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ

ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู

โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ

ฮาอิ ทาเคะคอปต้า

อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...

วันศุกร์ที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

เนื้อเพลงโดเรม่อน (แปลเป็นไทย)


เรื่องอย่างนี้ดีจังเลย ถ้าทำได้ละก็ยอดไปเลยนะ

ความฝันเหล่านี้ เหล่านั้น มีตั้งเยอะตั้งแยะแน่ะ

ทุกคนก็เป็นคนดี มาเติมฝันเหล่านั้นให้เต็ม

ด้วยกระเป๋าวิเศษนี้ มาช่วยเติมฝัน

อยากบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าจังเลยนะ

ไฮ้ { นี่ไง ( เสียงของโดเรม่อน ) } คอปเตอร์ไม้ไผ่

อัง อัง อัง ชอบมากๆ เลยล่ะ โดราเอม่อน....

วันพฤหัสบดีที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐

เพื่อนแมวของโดเรม่อน


โดรานิคอฟ : จะกลายเป็นหมาป่า เมื่อเห็นอะไรกลม ๆ



ดาราเหม็ดทรี : เป็นแมวที่มีเวทมนตร์ และ เมื่อโกรธก็จะกลายเป็นยักษ์



เอล-มาทาโดรา : เป็นนักสู้วัวกระทิง ชอบพิซซ่า และ อาหารสเปน เป็นที่สุด



วังโดรา : มีวิชากังฟูเป็นเลิศ และ ชอบช่วยเหลือผู้อื่นจากอันธพาล



โดราเดอะคิด : เป็นแมวที่กล้าหาญมาก และ ยังช่วยให้อเมริกาพ้นจากความหายนะ


โดรารินโฮ : รักกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ และ จะเล่นฟุตบอลเกือบทุกวัน